ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาค่ะ รบกวนขอความเมตตาจากหลวงตาค่ะ คือที่ผ่านมา ช่วงที่มีสติ ถ้าหนูมีความรู้สึกนึกคิดใด ๆ ขึ้นมา ทั้งดีและไม่ดี หนูก็จะมีอีกคำพูดนึงขึ้นมา ว่า “นี่คือสังขาร” แล้วมันก็จบไปค่ะ.... แต่บางคนบอกว่าหนูแช่มั้ย? เพราะเหมือนหนูทำให้มันว่าง หนูเลยเกิดความสงสัยว่า เราปฏิบัติผิดหรือไม่คะหลวงตา
รบกวนอีกคำถามค่ะหลวงตา คือมีพระอาจารย์ท่านหนึ่งแนะนำให้หนูศึกษาเรื่องปริเฉทและพระอภิธรรมค่ะ แต่หนูเคยได้ยินมาว่าคนที่เรียนแบบนี้จะมีทิฐิติดอยู่ มันเลยทำให้หนูหาคำตอบไม่ได้ค่ะ ว่าถ้าหนูอยากจะพัฒนาตนเองขึ้นเรื่อย ๆ หนูควรจะทำอย่างไรต่อดีคะ
หลวงตา : จะพัฒนาตนเองจะให้รู้ธรรม เห็นธรรม เป็นธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป ไม่ใช่ไปเรียนอะไร ต้องเรียนรู้ที่ใจตนเอง เพราะกิเลสและความทุกข์ก็เกิดที่ใจ ความสิ้นกิเลสและความทุกข์ก็สิ้นที่ใจ
ความหลงสังขาร หลงเอาสังขารมาคิดปรุงแต่งเป็นตัวตน เป็นเรา ตัวเรา ของเรา แล้วหลงเอาสังขารนั้นมาคิดปรุงแต่งยึดถือขันธ์ห้าว่าเป็นตัวตน เป็นเรา ตัวเรา ของเรา
ความหลงว่ามีตัวเรา จึงมีความหลงยึดถือ เกิดเป็นกิเลสและความทุกข์
จึงต้องเพียรมีสติ ปัญญา รู้เห็นสังขารทั้งหมดเกิดเอง ดับเอง … เกิดเอง ดับเองทุกปัจจุบันขณะ โดยไม่ปรากฎตัวตนของผู้รู้
ถ้าปรากฏตัวตนของผู้รู้ ผู้คิด ผู้ยึดถือ ก็ให้เห็นว่าเขาเป็นสังขาร ที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่มีผู้ใดหลงยึดถือ ไม่มีผู้ใดยุ่งเกี่ยว วุ่นวายกับเขาเลย
เมื่อไม่หลงยึดถือ ก็จะไม่มีตัวตนในปัจจุบัน ไม่มีตัวตนในอนาคต ไม่มีตัวตนในโลกอื่น
หรือเมื่อไม่หลงเอาสังขารมาปรุงแต่งเป็นเรา ตัวเรา หรือ ตัวตนของเรา ก็จะไม่มีตัวตนของเราไปยึดถือสิ่งใด ไม่มีตัวตนไปยึดถือร่างกายจิตใจ ไม่มีตัวตนยึดถือผู้รู้ให้เป็นทุกข์ หรือ พ้นทุกข์
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2562