ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาค่ะ โยมรบกวนถาม 2 คำถามค่ะ
- เวลาเรานั่งสมาธิ แล้วพอมันลึก ๆ ตัวมันจะหงายหลังอยู่ตลอด จนทำให้เราตกใจ และเกิดคำถามว่าเราเป็นอะไรค่ะ เพราะเราไม่ได้ง่วง หรือ สัปหงก บางคนบอกว่าเราอย่าไปติดมัน โยมก็เข้าใจว่าเราไม่ติดอาการของมัน แต่โยมจะก้าวข้ามผ่านตรงนี้ได้อย่างไรหรอคะหลวงตา
- การปฏิบัติธรรมในขั้นหยาบ เราใช้ “พุทโธ” เป็นเครื่องล่อ ให้เรากลับมามีสติ แต่ทำไมถ้าโยมใช้คำว่า “เราไม่มีตัวตน” เป็นเครื่องล่อ ในการเตือนสติตัวเองว่า เราไม่มีตัวตนจริง ๆ มันถึงเป็นสังขารซ้อนเข้าไปอีกหรอคะหลวงตา กราบขอบพระคุณหลวงตาค่ะ
หลวงตา :
ข้อ 1 เป็นเพราะสติขาด
ข้อ 2 เป็นการใช้สังขารบอกสอนตัวเองว่า “เราไม่มีตัวตน”
แต่ถ้ามีปัญญาที่คมแก่กล้า จะสามารถพิจารณาได้ว่า ตัวตนของเราที่แท้จริงไม่มีอยู่จริงตั้งแต่แรกแล้ว
มันเป็นเพียงสังขาร คือ สิ่งผสมปรุงแต่งมาจากธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ และธาตุรู้ ด้วยอำนาจของ “อวิชชา” คือ ความไม่รู้ตามความเป็นจริงดังกล่าว ว่าขันธ์ห้าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จึงหลงยึดถือเป็นตัวเป็นตน เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นตัวตนของเรา
เหมือนกับว่า ไปในที่เปลี่ยว เวลากลางวันไม่กลัวผี แต่พอกลางคืนก็หลงปรุงแต่งผีเป็นตัวตน แล้วกลัวผีที่หลงปรุงแต่งยึดถือไว้ในใจ
เมื่อมีความจำเป็นจะต้องเดินออกไปข้างนอกเวลากลางคืน จึงท่องว่า “ผีไม่มีตัวตน ผีไม่มีตัวตน ๆๆๆๆๆ.......” แต่ก็ยังกลัวตัวผีจะหักคอตัวเราอยู่ดี เพราะหลงว่าเรามีตัวตนอีกด้วย
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2562